1.ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาที่มิใช่ภูมิลำเนา
2.ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ คุณวุฒิ หรือวิชาเอก
3.ความอาวุโสตามหลักราชการ โดยให้คำนึงถึงสภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงาน ระยะทางระหว่างสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษา ที่ดำรงตำแหน่งอยู่กับสถานศึกษา หรือหน่วยงานที่ต้องการขอย้าย ผลการปฏิบัติงาน การรักษาวินัย จรรยาบรรณ และเหตุผลความจำเป็น
และ 4.จะต้องไม่เกินอัตรากำลังสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาที่รับย้าย ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด
"เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการขอย้ายของครูประจำการครั้งนี้ สพฐ.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองพิจารณาการย้าย 7 คณะ โดยแบ่งตามภูมิภาค คือ ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนบน ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งทั้ง 7 คณะจะพิจารณาปลายทางขอย้ายของผู้ขอย้ายคืนถิ่น จากนั้น สพฐ.ก็จะตั้งคณะกรรมการกลางเป็นคณะที่ 8 ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง เพื่อประสานตามภูมิภาคต่าง ๆ อีกครั้ง"
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะได้ย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมค่อนข้างสูง เพราะปกติการขอย้ายประจำปีจะได้แค่ 20% เท่านั้น แต่ครั้งนี้เมื่อมีนโยบายพิเศษขึ้นมาก็น่าจะดำเนินการได้ไม่น้อยกว่า 50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวนครูที่ขอย้ายคืนถิ่นกว่า 2 หมื่นคน นั้นแยกเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 42 เขต จำนวน 6,245 คน ส่วนใหญ่ขอย้ายกลับไปอยู่กับคู่สมรส ครอบครัวและพ่อแม่ 18,402 คน, เจ็บป่วย 2,460 คน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต 339 คน โดยจำนวนนี้ขอย้ายระหว่างเขตพื้นที่ฯ 14,066 คน และย้ายภายในเขตพื้นที่ฯ 7,135 คน ข้าราชการครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 1,002 คน แบ่งเป็นภาคเหนือ 203 คน ภาคกลางและภาคตะวันออก 291 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 301 คน ภาคใต้รวมจังหวัดชายแดนภาคใต้ 207 คน และครูประจำการเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจำนวน 39 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น