วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ศธ.เร่งชงหลักเกณฑ์นโยบายครูคืนถิ่น

นาย วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศธ. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 8/2554 เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากการที่อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 (จ.สงขลา) ว่างลง เนื่องจากนายสงบ มณีพรหม อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในระหว่างการสรรหา เพราะเป็นข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้าม จึงทำให้ขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น ไม่สามารถตั้งเป็นอนุกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิฯ ได้ ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง พร้อมทั้งให้มีการดำเนินการสรรหาอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงาน บุคคล ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยม ศึกษา เขต 16 ใหม่

รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมยังหารือเกี่ยวกับนโยบายครูคืนถิ่นด้วยว่า ต้องการให้ครูมีโอกาสกลับภูมิลำเนา หรือบ้านเกิด หรืออยู่ร่วมกับคู่สมรส แต่เนื่องจากมีกฎระเบียบต่างๆ ในการบริหารงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบจึงขอให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ และให้คณะอนุกรรมการเสนอหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาในครั้งต่อไป

เริ่มแล้ว! การกู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. 3 ล้านบาท

โครงการขยายวงเงิน เริ่มเดือนกันยายน 2554 ดำเนินโครงการร่วมกับธนาคารออมสิน โดยกำหนดคุณสมบัติให้สมาชิก ช.พ.ค. ที่มีอายุการเป็นสมาชิก 6 เดือนขึ้นไป มีสิทธิกู้เงินภายในวงเงินคนละ ไม่เกิน 1,200,000 บาท และสมาชิกที่มีอายุการเป็นสมาชิก 1 ป,ขึ้นไป มีสิทธิกู้เงิน ภายในวงเงินคนละ 1,200,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ MLR-0.85 ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทุกเดือน และชำระเงินต้นที่เหลือคืนจาก เงิน ช.พ.ค. เมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม

เฮ! ก.พ.สั่งปรับเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ

ที่ประชุม ก.พ.-คลัง ไฟเขียวปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตั้งแต่วุฒิ ปวช.-ป.เอก ภายใน 2 ปี เตรียมเสนอ ครม. 4 ตุลาคมนี้ หากผ่านเริ่มปรับตั้งแต่ 1 ม.ค.55

         วานนี้ (29 กันยายน) มีแหล่งข่าวเปิดเผยถึงการประชุมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ารือเรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ เพื่อให้สอดรับกับมติ ครม.ที่อนุมัติให้ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเข้าใหม่ที่จบปริญญาตรีขั้นต่ำ เป็น 15,000 บาท โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปจะให้ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตั้งแต่วุฒิ ปวช.ไปจนถึงปริญญาเอก ในช่วงเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ดังนี้

กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวช.

          ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 6,400 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 14,000 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

          - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกจะได้ปรับฐานเงินเดือนขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,380 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 1,000 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 700 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 400 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

          ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวช.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 10,690 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 17,110 บาท

กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวส.

          ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 7,670 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 16,710 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,290 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,590 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

          - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

          ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวส.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 12,010 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 19,810 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาตรี

          ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 9,140 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดที่ 19,910 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,540 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 3,320 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,800 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,300 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 9 ปี ปีแรกปรับขึ้น 500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 800 บาท

          - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

          ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาตรีที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 16,310 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 23,810 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาโท

         ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 12,600 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 23,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,000 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,700 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,400 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,100 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

         ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาโทที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน  18,710 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 26,610 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาเอก

         ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 17,010 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 28,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,690 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 3-5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 6-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

        - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

         ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาเอกที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน  24,810 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 33,210 บาท

         ทั้ง นี้ ที่ประชุมเตรียมจะนำเสนอแนวทางการปรับฐานเงินเดือนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาในวันอังคารที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555 คาดว่าจะใช้งบประมาณในปีแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท ส่วนปีที่ 2 จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 15,000 ล้านบาท



[18 สิงหาคม] อัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ ข้าราชการเก่งได้พิเศษ 
 
         หลัง จากที่ ครม. มีมติเห็นชอบขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยปรับตามค่าครองชีพ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาคนเก่งคนดีไว้ในราชการนั้น

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา นายนนทิกร กาญจนจิตรา รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.พ.ได้จัดทำบัญชีอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญไว้หมด แล้ว

          ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราเงินเดือนแรกบรรจุข้างราชการใหม่จะขึ้นประมาณร้อยละ 10 ดังนี้

          - อัตราบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จะอยู่ที่ 8,700 บาท/เดือน จากเดิม 7,940 บาท

          - ระดับปริญญาโทอยู่ที่ 11,000-12,000 บาท/เดือน จากเดิม 9,000 บาทเศษ/เดือน

          - ระดับปริญญาเอกอยู่ที่ 16,000 บาท/เดือน จากเดิม 13,000 บาท/เดือน


          นอกจากนี้ ก.พ.ยังเสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มเงินพิเศษให้กับข้าราชการที่เก่งภาษา ซึ่งอาจพิจารณาจากคะแนนสอบโทเฟล, บุคคลที่มีคะแนนสอบเข้ารับราชการเป็นอันดับต้น ๆ , บุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมากกว่า 1 ใบ, บุคคลที่มีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการรับราชการ ฯลฯ ทั้งนี้ ประกาศใช้อัตราเงินเดือนแรกบรรจุแบบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 เป็นต้นไป

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ข้าราชการเฮ ชงเพิ่มค่าครองชีพ กลุ่มรายได้เกิน

รม ช.คลังเตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า เพิ่มค่าครองชีพให้ ขรก.ปริญญาตรี ที่มีรายได้ 16,000-18,000 บาท เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นกับกลุ่มได้ปรับเป็น 15,000 บาท สั่งกรมบัญชีกลางเร่งสรุปรายละเอียดทั้งหมด...

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาปรับเพิ่มค่าครองชีพให้ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ที่มีอัตรารายได้ประมาณ 16,000-18,000 บาทต่อเดือน เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นมากเมื่อรัฐบาลต้องปรับเพิ่มค่าครองชีพให้ข้า ราชการ และลูกจ้างวุฒิปริญญาตรีให้มีรายได้เป็น 15,000 บาท โดยกรมบัญชีกลางกำลังสรุปรายละเอียดทั้งหมด คาดว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้เร็วสุดคือสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ผ่านมา ได้ตีกลับข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการปรับเพิ่มค่าครองชีพให้เฉพาะข้า ราชการและลูกจ้างวุฒิปริญญาตรีเพื่อให้มีรายได้รวมเป็น 15,000 บาท โดยให้กลับมาพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับข้าราชการวุฒิปริญญาโท และปริญญาเอกที่มีรายได้ใกล้เคียงกับวุฒิปริญญาตรี คือ ปวช. และปวส.เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก

“การปรับโครงสร้างรายได้ดังกล่าว แน่นอนว่า ต้องมีคนได้และคนเสีย บางคนต้องยอมรับการเสียประโยชน์ แต่เขาก็จะได้ในปีต่อไป เพราะขณะนี้ ทาง ก.พ.และกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาปรับโครงสร้างเงินเดือนทั้งระบบ คาดว่า จะใช้เม็ดเงินงบประมาณไม่เกิน 25,000 ล้านบาท สำหรับโครงการปรับโครงสร้างรายได้ดังกล่าว" นายวิรุฬ กล่าว

ส่วนโครงการสินเชื่อ ดอกเบี้ยบ้าน 0% สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะดำเนินการอย่างแน่นอน โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นผู้ดำเนินการซึ่งต้องหารือกันต่อไปซึ่งเบื้องต้นจะนำทรัพย์สินรอการขาย ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทของธนาคารออกจำหน่ายเพื่อนำเงินใช้ในโครงการดอกเบี้ย 0% โดยจะพิจารณาปรับลดราคาลงด้วย เพื่อให้ขายทรัพย์ได้ง่ายขึ้น ขณะนี้ ได้มอบให้ ธอส.ไปสรุปจำนวนทรัพย์รอการขายว่ามีจำนวนเท่าใด.


ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 22 กันยายน 2554

ศธ.อัดงบ7หมื่นล้านขึ้นเงินเดือนครู

     ปลัดกระทรวงศึกษาฯ ชี้ต้องใช้งบ 400 ล้าน สนองนโยบายปรับเงินเดือนครูให้ถึงหมื่นห้า แต่หากรวมที่ปรับได้ตามมติ ครม.ไปก่อนหน้านี้แล้ว ต้องผลาญงบถึง 7 หมื่นล้าน ส่วนปัญหาเสียสิทธิ์เป็นข้าราชการ ศธ. เพราะติดเกณฑ์ทหารมีให้คงสิทธิ์ไว้ พร้อมมีมติให้ กคศ.แจ้งการรับรองคุณวุฒิทุกมหาวิทยาลัย แม้จะปรับรื้อหลักสูตรใหม่ เพื่อแก้ปัญหาบัณทิตสอบบรรจุครูไม่ได้ แนะมหา'ลัยรีบแจ้งก่อน มี.ค.-เม.ย.นี้ 


     นายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานราชการ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นเดือนละ 15,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 ซึ่ง ที่ประชุม ครม.ยังได้มอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพในการจัดทำร่าง ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ในฐานะที่มีข้าราชการในกระทรวงมากที่สุด โดยล่าสุดได้จัดทำเสร็จสิ้นและทุกส่วนเห็นชอบกับร่างดังกล่าวแล้ว หลังจากนี้ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุม ครม.ต่อไป 


     ในส่วนของการปรับเงินเดือนเพิ่ม 15,000 บาทของบุคลากรใน ศธ.นั้น ได้จัดตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วใน พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2555 โดยเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณผ่านความเห็นชอบ ก็จะจัดสรรให้กับบุคลากรได้ทันที นอกจากนี้ในส่วนของ ศธ. ได้ทำเรื่องเสนอของบประมาณประจำปี 2555 จำนวน 70,000 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมการปรับอัตราเงินเดือนของผู้บรรจุราชการใหม่ก่อนหน้าที่เงิน เดือนยังไม่ถึง 15,000 บาท ปรับเงินค่าจ้าง 300 บาทของลูกจ้างในพื้นที่นำร่อง 7 จังหวัด ตามมติ ครม.ก่อนหน้านี้ โดยจำนวนเงินดังกล่าวนี้รวมกับการปรับโครงสร้างเงินเดือนครูร้อยละ 13 ตามที่มีมติ ครม.ตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดก่อนด้วย 


     “สำหรับสาเหตุที่ต้องใช้งบประมาณสูง เพราะก่อนหน้านี้ ศธ.ก็ได้มีการปรับเงินเดือนครูขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งเงินเดือนครูก็สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีข้าราชการครูจำนวนมาก จึงทำให้งบเงินเดือนครูเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากจำแนกเฉพาะปรับให้ได้ตามมติ ครม. 15,000 บาท ก็จะคิดเป็นงบประมาณ 400 กว่าล้านบาทเท่านั้น” ปลัด ศธ.กล่าว


     ขณะเดียวกัน ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ เกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า 

     ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ผู้ที่สอบขึ้นบัญชีเข้า รับราชการในสังกัดราชการของกระทรวงศึกษาฯ ได้ กรณีถูกเรียกบรรจุแล้วไม่สามารถมาบรรจุได้เนื่องจากต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ โดยจะให้คงอัตราให้กับผู้ที่สอบขึ้นบัญชีดังกล่าวไว้ไม่ตัดสิทธิ์ และให้เรียกผู้ที่สอบขึ้นบัญชีได้ในบัญชีถัดไปบรรจุแทนไปก่อน หลังพ้นจากการเป็นทหารเกณฑ์ก็ค่อยกลับมาบรรจุในปีต่อๆ ไป 


     "แต่เดิมกรณีนี้ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจน จึงเป็นเพียงการทำหนังสือขอพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป ทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณานานจนเกิดปัญหากับผู้สอบบรรจุได้บางราย ที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการรับใช้ราชการเหมือนกันจึงผ่อนผันให้" นายอภิชาติกล่าว


     นอกจากนี้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ ได้พิจารณาการรับรองคุณวุฒิของผู้ที่จบปริญญาสาขาต่างๆ ที่จะบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ หลังมีบางมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนชื่อปริญญาบัตรหรือเพิ่มวิชาเอก ซึ่งเป็นการผลิตบัณฑิตสาขาใหม่แต่ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รับรองเพียงอย่างเดียว แต่มหาวิทยาลัยไม่ได้ขอมาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา (กคศ.) เพื่อให้รับรองคุณวุฒิดังกล่าวว่าจึงทำให้ไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการครู ได้ ดังนั้น อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ เลยมีมติแก้ปัญหาย้อนหลังให้ โดยการให้ กคศ.แจ้งทุกมหาวิทยาลัยว่าได้รับรองคุณวุฒิใดไปแล้วบ้าง และหากมหาวิทยาลัยใดยังไม่ได้แจ้งให้ ก.ค.ศ.รับรองคุณวุฒิให้รีบแจ้งมาก่อนจะมีการสอบแข่งขันบรรจุข้าราชการครูใน ช่วงมีนาคม-เมษายนปี 2555 นี้ 


     ทั้งนี้ หลักสูตรของหลายมหาวิทยาลัยได้ปรับเปลี่ยนจนทำให้เนื้อหาสาระของหลักสูตรข้า ราชการครูเปลี่ยนไป เรื่องดังกล่าว สกอ.ก็ได้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ตั้งแต่แนะนำให้ปรับปรุงการเรียนการสอน แต่หากมหาวิทยาลัยเห็นว่าไม่สามารถปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานได้ก็จะสั่ง ยุติการเรียนการสอน

ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 22 กันยายน 2554

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

หวั่นนโยบาย'ครูคืนถิ่น'ขัดเกณฑ์ก.ค.ศ. ศธ.เร่งยกร่างใหม่

นาย อภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศธ. มีแนวคิดให้ครูคืนถิ่นว่า เรื่องดังกล่าวคงปรับหลักเกณฑ์ไม่ทันปลายเดือนส.ค.นี้ ซึ่งการปรับหลักเกณฑ์การโยกย้ายข้าราชการครูใหม่นี้ไม่ใช่การสร้างเกณฑ์ช่วย ราชการขึ้นมาใหม่ เพราะรัฐบาลไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื้อรังตามมา อาทิ บางพื้นที่มีครูล้น บางพื้นที่ขาดครู ซึ่งแนวทางนี้จะต้องพิจารณาจากทุกด้าน และไม่เกินขอบเขตหลักเกณฑ์มากนัก ประเด็นเหล่านี้ต้องพิจารณาเป็นรายไป

"นโยบาย ใหม่ของ รมว.ศธ.ที่ต้องการให้ครูได้ย้ายกลับไปพัฒนาบ้านเกิดนั้นทำได้ จะต้องทำเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ มิฉะนั้นจะเป็นการย้ายที่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบข้าราชการครู ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ซึ่งขณะนั้น รมว.ศธ.ยังไม่ได้เข้ามารับงาน ผมจึงยังไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามการโยกย้ายข้าราชการครูคงไม่ทันในรอบนี้ แต่จะทันรอบหน้า หรืออาจเป็นไปได้ว่าถ้าหลักเกณฑ์ออกมาเมื่อไหร่ก็จะประกาศยกเลิกคำร้องที่ ค้างอยู่และให้เริ่มใหม่" ปลัด ศธ.กล่าว

นายอภิชาติกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรื่องบางเรื่องคนยกร่างต้องมาจากกรมทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วิทยาลัยชุมชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และกศน. หลักเกณฑ์ถึงจะออกมาสมบูรณ์ หากปล่อยให้ก.ค.ศ.ยกร่างเองระยะเวลา 1 ปีคงลำบาก เนื่องจากก.ค.ศ.ไม่เคยย้ายใครจึงไม่รู้ถึงปัญหา เรื่องนี้ตนจะเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

นโยบาย รถคันแรก

นโยบาย รถคันแรก รายละเอียดเงื่อนไขการคืนเงินภาษี ในการซื้อรถยนต์คันแรก

      ตามที่รัฐบาล 2554 ชุดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีนโยบายรถคันแรก โดยจะเป็นการคืนเงินภาษีเท่ากับที่จ่ายจริง ในการซื้อรถยนต์คันแรก แต่จะคืนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
สำหรับรายละเอียด ข้อกำหนด เงื่อนไขต่างๆ ในการคืนภาษีรถยนต์คันแรก มีดังนี้
  • ผู้ซื้อต้องอายุ 21 ปีขึ้นไป
  • ผู้ซื้อจะต้องไม่เคยซื้อรถยนต์มาก่อน
  • ระยะเวลา จะต้องซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2555
  • โดย ราคารถยนต์นั้นจะต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท
  • เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี (สำหรับรถกระบะจะไม่จำกัด ซีซี)
  • เป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
  • ต้องครอบครองไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • เป็นรถใหม่(ป้ายแดง,มือสองไม่ได้)
การคืนเงินภาษีรถคันแรก ภาครัฐจะคืนภาษีได้เมื่อครอบครองรถยนต์ไปแล้วเป็นเวลา 1 ปี

UPDATE : 13 กันยายน 2554
  • ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว!
  • เลื่อนระยะเวลาเป็น เริ่มวันที่ 16 กันยายน 2554 - 31 ธันวาคม 2555
วิธีดำเนินการ
1. ผู้ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย
  • หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี
  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
  • สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือ สำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครอง รถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อเมื่อครอบครองครบ 1 ปี โดยจ่ายเป็นเช็คให้ในครั้งเดียว

UPDATE : 17 กันยายน 2554

ปลดล็อคเงื่อนไข ห้ามโอนภายใน 5 ปี กรณีผู้ซื้อรถ(ผ่อน)ผิดนัดไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ ไฟแนนซ์ก็สามารถยื่นเรื่องให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบ ว่าเป็นจริง เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ซื้อรถผิดนัดไม่ผ่อนชำระต่อจริง ก็จะแก้เงื่อนไขกรณีห้ามโอนภายใน 5 ปี ให้สามารถนำรถไปขายทอดตลาดได้
และจะเรียกเงินภาษีจากผู้ที่ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ คืนกลับให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนที่ได้รับไป (ผู้ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จะต้องคืนเงินให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับการคืนภาษีรถยนต์คัน แรก)

ยันครูได้เงินเดือน 15,000 บาท

วรวัจน์ ยันครูได้เงินเดือน 15,000 บาท (ไทยโพสต์)

          วรวัจน์ ยันครูและข้าราชการที่จบปริญญาตรีได้ขึ้นเงินเดือน 15,000 บาท ตามนโยบายพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ คาดเริ่มเดือน ม.ค.ปีหน้า เตรียมปรับแผนดึงเด็กเรียนสายอาชีพมากขึ้น
          นาย วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวศึกษาธิการ (รมว.ศธ) กล่าวถึงผลการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.ถึงยุทธศาสตร์ของ ศธ.ว่า การ ปรับเงินเดือน 15,000 บาทในส่วนของครูและข้าราชการ จะได้รับการปรับขึ้นทั้งหมดโดยผู้ที่จบปริญญาตรีจะได้รับ 15,000 บาท และค่าแรงขั้นต่ำจะได้รับ 300 บาท โดยในส่วนของ ศธ.จะเริ่มใช้งบประมาณได้ในเดือน ม.ค.ไปแล้ว เบื้องต้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ พ.ร.บ.งบประมาณว่าจะออกเมื่อไร
          ทั้งนี้ สำหรับนโยบายการดึงเด็กมาเรียนสายอาชีวศึกษานั้นตนมีนโยบายจะแบ่งองค์ความรู้เป็น 5 กลุ่มคือ
          1.กลุ่มเกษตร
          2.กลุ่มอุตสาหกรรม
          3.กลุ่มพาณิชยกรรมและบริการ
          4.กลุ่มความคิดสร้างสรรค์
          5.กลุ่มอำนวยการและอาชีพพิเศษ

          ใน 5 กลุ่มจะแบ่งออกเป็นตามทักษะและความชำนาญของผู้เรียน ตามอาชีพ และจะลงไปจับห้องเรียนของชั้นมัธยมศึกษาตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน ส่วนมหาวิทยาลัยจะเชื่อมโยงในแต่ละจังหวัดขณะที่อาชีวศึกษาจะรับผิดชอบ แต่ละจังหวัดและแต่ละห้องเรียนด้วย

แฉเรียกเงิน 7 แสน บรรจุครูภาคอีสาน!

แฉเรียกเงิน 7 แสนบรรจุครูภาคอีสาน! (ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          ส.ส.อีสาน เพื่อไทยแฉเรียกรับเงินสอบบรรจุบุคลากรในเขตพื้นที่ สอบติดทันทีจ่าย 7.3 แสน ชื่อขึ้นบัญชี 3.5 แสน จ่ายก้อนแรก 2 แสน อีก 1.5 แสนวันประกาศชื่อ "วรวัจน์" สั่งระงับสอบทั้ง 12  เขต ตั้งคณะกรรมการออกข้อสอบกลาง จี้ สพฐ.สอบข้อเท็จจริง

          เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2555 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ขอให้ทบทวนการสอบบรรจุบุคลากรที่ปฏิบัติงานบนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่จะมีการสอบในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ใน 12 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เนื่องจากมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตเรียกรับเงินสอบบรรจุในบางเขต ดังนั้น ตนจึงได้สั่งให้ระงับและเลื่อนการสอบทั้ง 12 เขต ออกไปก่อน และให้มีการออกข้อสอบใหม่ทั้งภาค ก และภาค ข โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการออกข้อสอบจากส่วนกลางเพื่อให้เป็นมาตรฐานข้อสอบ เดียวกันทั้งประเทศ

          รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า นอก จากตนยังได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 12 เขต ที่มีการประกาศสอบ หากพบว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตจริงก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะไม่ยอมให้มีการเรียกรับเงินในการบรรจุหรือโยกย้ายใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบพฤติกรรมดังกล่าวแล้วทางภาคอีสาน โดยมีการตั้งโต๊ะเรียกรับเงินในการสอบบรรจุ หากต้องการให้ได้รับการบรรจุทันทีต้องจ่าย 7.3 แสนบาท ถ้าขอให้ชื่อขึ้นบัญชีต้องจ่าย 3.5 แสนบาท โดยให้จ่ายก้อนแรกในวันที่ตกลง 2 แสนบาท และจ่ายอีก 1.5 แสนบาท ในวันที่ประกาศรายชื่อ และที่เหลือให้จ่ายในวันที่เรียกบรรจุ

          ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การ สอบครั้งนี้มีตำแหน่งว่าง 60 อัตรา ใน 12 เขตพื้นที่การศึกษา แต่มีผู้สมัครเข้ารับการสอบบรรจุกว่า 7.3 หมื่นคน แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดผลกระทบในวงกว้างขึ้นมาจึงต้องให้ชะลอออกไปก่อน เพื่อวางระบบการป้องกันให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับระบบการสอบใหม่ทั้งหมดให้เป็นมาตรฐานร่วมกัน ซึ่งคงต้องนำหารือในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สพฐ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่แล้ว ซึ่ง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาต้องรับผิดชอบ จะนิ่งเฉยปล่อยให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายมีการเรียกผลประโยชน์หรือประพฤติมิ ชอบไม่ได้

สนง.สหกรณ์จังหวัดบึงกาฬรับสมัครพนักงานราชการทั่วไป 5 ตำแหน่ง

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬรับสมัครพนักงานราชการทั่วไป  5  ตำแหน่ง
 1.  เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี
 2. เจ้าหน้าที่ธุรการ
 3. นักวิชาการสหกรณ์
 4. นิติกร
 5. นักวิชาการมาตรฐานสินค้า 
สนใจสมัครได้ที่ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ  ถนนบึงกาฬ - พังโคน